“Empowering the next generation with essential life skills recommended by WHO”

5 ทักษะชีวิตที่เด็กยุคนี้ไม่มีไม่ได้ อ้างอิง WHO
คงไม่ใช่ข้อมูลใหม่ถ้าจะบอกว่าระบบการศึกษาปัจจุบันไม่ตอบโจทย์การอยู่รอดในศตวรรษที่ 21 ทักษะชีวิตหลายอย่างที่จำเป็นไม่ได้รับการสอน เพราะมุ่งเน้นแต่การสร้างคนเพื่อทำอาชีพ ซึ่งหมายความว่าเด็ก ๆ กำลังจะเรียนจบออกมาโดยไม่มีทักษะที่จะเอาตัวรอดในโลกจริง การจำตารางธาตุได้ไม่ได้หมายความว่าจะใช้มันเจรจาต่อรองความขัดแย้งได้ การคิดเลขเร็วไม่ได้หมายความว่าจะจัดการความเครียด ความกดดันได้ ดังนั้นทักษะชีวิตไม่ได้ส่งผลแค่การใช้ชีวิต แต่ส่งผลไปถึงสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีด้วย และนี่คือ 5 ทักษะชีวิตที่องค์กรอนามัยโลกประกาศไว้ว่าเป็นทักษะที่เด็กต้องมี
- การตัดสินใจและการแก้ปัญหา
- การคิดสร้างสรรค์และคิดวิเคราะห์
- การสื่อสารและทักษะทางสังคม
- การตระหนักรู้ในตนเองและความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
- การจัดการอารมณ์และการจัดการความเครียด
มีกี่ข้อที่คุณรู้จัก? และมีกี่ข้อที่คุณรู้ว่ามันพัฒนาอย่างไร? ถ้าเทียบกับจะสอนคูณหารอย่างไร จะสอน verb ยังไง สองอย่างหลังคงตอบได้ง่ายกว่าใช่ไหมคะ

การตัดสินใจและการแก้ปัญหา เด็กพัฒนาจากการลองผิดลองถูก สิ่งที่เด็กลองผิดลองถูกได้เยอะที่สุดคือการเล่น ปัญหาที่เด็กอยากแก้ที่สุดการปัญหาเกี่ยวกับการเล่น หน้าที่ผู้ใหญ่คือการให้เวลาเล่น ไม่ขัดจังหวะ ไม่วุ่นวายหรือกำกับการเล่นของเด็ก นอกจากนั้นเด็กเรียนรู้ทักษะผ่านการเลียนแบบผู้ใหญ่ พี่ หรือเพื่อน เด็กมองวิธีการของคนอื่นที่ใช้แก้ปัญหาและนำมาลองใช้กับตนเอง
ความคิดสร้างสรรค์และการคิดวิเคราะห์ พัฒนาจากการสนับสนุนให้เด็กสงสัยใคร่รู้ ยกมือถาม ความสนใจโลกรอบตัว การมีโอกาสให้เด็กถามได้ พูดได้ และตอบสนองคำถามของเด็กเชิงบวก การอ่านหนังสือให้เด็กฟังเยอะ ๆ และคุยกันเกี่ยวกับตัวตนแต่ละคน เนื้อหาทำให้เด็กได้คิดวิเคราะห์และจินตนาการ การท้าทายเด็กให้คิดนอกกรอบ ยอมรับความคิดที่แตกต่าง ไม่มีคำตอบที่ถูกหรือผิดตายตัว ทำให้เด็กชอบความผิดพลาด ให้ลองแล้วล้มเหลว ลองใหม่ ล้มใหม่ ลุกให้ได้

การสื่อสารและทักษะทางสังคม ทักษะที่สำคัญที่ช่วยให้เด็กอยู่ร่วมกับผู้อื่นได้อย่างสงบสุข การสื่อสารเป็นทักษะสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์ และความสัมพันธ์เป็นตัวแปรหลักของความสุข เด็กพัฒนาทักษะการสื่อสารและสังคมผ่านการเล่น ผ่านการมีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อน ครู พ่อแม่ สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมในการพัฒนาทักษะนี้คือสภาพแวดล้อมที่เด็กได้เจอผู้คนแต่ก็ไม่มากเกินไปจนเด็กไม่ได้รับการตอบสนองจากผู้ใหญ่
การตระหนักรู้ในตนเองและการเห็นอกเห็นใจผู้อื่น อาจดูเหมือนเป็นเรื่องง่าย เรื่องเกี่ยวกันตนเอง แต่คนกว่า 90% ไม่รู้ว่าตนเองกำลังคิดอะไร รู้สึกอย่างไร ทำสิ่งต่าง ๆ เพื่ออะไร การตระหนักรู้ในตนเองส่งผลต่อการพัฒนาตนเอง การรู้เท่าทันตัวเอง ส่งผลต่อความเข้าใจตัวเองและเชื่อมโยงไปยังความเข้าใจผู้อื่น หากเด็กเองยังไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกแบบนี้เพราะอะไร ก็ไม่สามารถเข้าใจผู้อื่นได้ การสนับสนุนการตระหนักรู้ในตนเองให้กับเด็ก คือ การที่มีผู้ใหญ่คอยสะท้อนอารมณ์ บอกเด็กว่าเด็กกำลังรู้สึกอย่างไร เมื่อเด็กมีอารมณ์ต่าง ๆ พูดคุยกับเด็กให้เด็กสะท้อนความคิดของตนเอง สื่อสารอารมณ์ ความสามารถของตนเอง ทำให้บรรยกาศสิ่งแวดล้อมเหมาะสำหรับการเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีการตัดสิน

การจัดการอารมณ์และความเครียด ทักษะนี้น่าจะเรียกว่าเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดเพราะเป็นพื้นฐานของการพัฒนาทักษะอื่น ๆ เพราะเมื่อเด็กจัดการกับอารมณ์ไม่ได้ สมองเด็กไม่เอื้ออำนวยให้เด็กสามารถคิด ตัดสินใจ วิเคราะห์ แก้ปัญหาได้ ดังนั้นการช่วยให้เด็กจัดการอารมณ์และความเครียดจึงเป็นทักษะที่จำเป็นอย่างมาก ด้วยความเป็นเด็ก เด็กมันไม่เข้าใจว่าตนเองรู้สึกอย่างไร และต้องจัดการกับความรู้สึกนี้อย่างไร ผู้ใหญ่จึงมีหน้าที่ช่วยยอมรับและสอนอารมณ์ต่าง ๆ ที่เด็กมีให้กับเด็กไม่ว่าอารมณ์จะบวกหรือลบ เมื่อเด็กโกรธ เศร้า เสียใจ กังวล ในเรื่องเครียดตามวัย เช่น ไม่อยากเก็บของเล่น ไม่อยากนอนกลางวัน โกรธเพื่อนหรือครู และเด็กได้เรียนรู้ที่จะจัดการความรู้สึกเครียดเหล่านั้นจนสำเร็จ เด็กก็จะใช้วิธีการจัดการความเครียด อารมณ์เหล่านี้ในเรื่องที่ใหญ่ขึ้นต่อ ๆ ไป

แคร์โรลล์ เพรพ ให้ความสำคัญกับทักษะชีวิต เพราะในโลกยุคใหม่ที่ AI พัฒนาได้อย่างรวดเร็ว หลาย ๆ ทักษะวิชาการ ทักษะอาชีพจะมีตัวช่วยให้มนุษย์สะดวกสบาย สื่อสารพูดคุย ดึงข้อมูล ข้อเท็จจริงได้อย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่ AI หรือคอมพิวเตอร์ไม่สามารถทำแทนเราได้ คือ ทักษะชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งทักษะเกี่ยวกับ อารมณ์ สังคม ความสัมพันธ์ ซึ่งเป็นตัวกำหนดความสุขของมนุษย์

แคร์โรลล์ เพรพ เน้นให้เด็กแสดงออกทางอารมณ์ ให้อิสระในการคิด กลุ่มนักเรียนขนาดเล็กเพื่อให้ครูประจำชั้นดูแลใกล้ชิดเหมือนแม่ สามารถพูดสะท้อนอารมณ์ ความคิด ฟังแบบ Active Listening ในภาษาที่เด็กเข้าใจง่ายที่สุด เพื่อให้เด็กเข้าใจตนเอง เข้าใจผู้อื่น กำกับและควบคุมตนเองได้สำเร็จ เกิดเป็นความภูมิใจในตนเอง มั่นใจ กลายเป็นความพร้อมที่สมองสามารถคิด วิเคราะห์ ตัดสินใจได้ ทั้งหมดนี้เป็นรากฐานของชีวิตที่มีความสุข

กิจกรรมที่น่าตื่นเต้นและสนุกสนานเกิดขึ้นทุกวันที่แคร์โรลล์ เพรพ
แท็กที่เกี่ยวข้อง
#ทำไมเด็กต้องเรียนผ่านการเล่น #เรียนผ่านการเล่น #การจัดการอารมณ์ #การจัดการความเครียด #กิจกรรมสำหรับเด็ก #Projectbasedlearning #กิจกรรมสำหรับเด็ก #การเรียนรู้ #โรงเรียน #education #School #ภาษาอังกฤษ #EnglishProgram #kids # #kidsactivity #learning #preschool #kindergarten